โรงเรียนสอนขับรถ
อบรม ปฏิบัติ สอบใบขับขี่ ได้ที่นี่
บริการตรวจสภาพรถ
พรบ.
ประกันภัยรถยนต์
ตรอ.สาขา โคราช, บุรีรัมย์, ชัยภูมิ
หลักสูตรรถยนต์
หลักสูตรรถยนต์ เรียน 15 ชม. (ปฏิบัติ 10 ชม./อบรม 5 ชม.)
- นักเรียนต้องไม่เคยมีใบขับขี่
- ทางโรงเรียนสามารถจัดอบรมและสอบ ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติให้กับนักเรียนได้เลย โดยนักเรียนไม่ต้องไปสอบที่กรมขนส่งฯ
- หลักสูตรนี้จะเน้นการติวท่าสอบต่างๆในสนามของโรงเรียน และพานักเรียนออกถนนใหญ่ เพื่อฝึกความชำนาญ และเตรียมความพร้อมก่อนสอบ (เรียนตามหลักสูตรที่ทางโรงเรียนกำหนด)
- เป้าหมายหลักสำหรับหลักสูตรนี้คือ ผู้เรียนจะต้องได้รับใบขับขี่
ตารางเรียนหลักสูตรรถยนต์
วันที่ ชั่วโมงที่ แนวทางการเรียนการสอน
1 1-2 ทดสอบสมรรถภาพ+สอนห้องเครื่อง
2 3-4 หลักการใช้พวงมาลัย+การบังคับรถ
3 5-6 สอนการใช้คันเร่ง+การเข้าท่าสอบ
4 7-8 ออกถนนใหญ่
5 9-10 ออกถนนใหญ่+ประเมินท่าสอบ
6 11-15 อบรมเตรียมสอบภาคทฤษฎี
7 สอบภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ
ราคาค่าเรียน
หลักสูตรรถยนต์เพื่อสอบใบขับขี่
- คนไทย 5,500 บาท / ชาวต่างชาติ 6,500 บาท
หมายเหตุ : นักเรียนสามารถโหลดโปรแกรมแอป e-testing บนมือถือเพื่อเตรียมสอบภาคทฤษฎีได้
หลักสูตรรถจักรยานยนต์
เรียน 15 ชม. (ปฏิบัติ 10 ชม./อบรม 5 ชม.)
- นักเรียนต้องไม่เคยมีใบขับขี่
- ทางโรงเรียนสามารถจัดอบรมและสอบ ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติให้กับนักเรียนได้เลย โดยนักเรียนไม่ต้องไปสอบที่กรมขนส่งฯ
- หลักสูตรนี้จะเน้นการติวท่าสอบต่างๆในสนามของโรงเรียน และหลักการขับขี่เพื่อความปลอดภัย เพื่อฝึกความชำนาญ และเตรียมความพร้อมก่อนสอบ (เรียนตามหลักสูตรที่ทางโรงเรียนกำหนด)
- เป้าหมายหลักสำหรับหลักสูตรนี้คือ ผู้เรียนจะต้องได้รับใบขับขี่
ตารางเรียนหลักสูตรรถจักรยานยนต์
เรียนภาคปฏิบัติใช้เวลา 1 วัน / อบรมภาคทฤษฎี 1 วัน / สอบ 1 วัน ( 3 วันจบ)
วันที่ ชั่วโมงที่ แนวทางการเรียนการสอน
1 1-2 ทดสอบสมรรถภาพ+หลักการขับขี่ปลอดภัย
3 หลักการบังคับรถ
4-8 การเข้าท่าสอบ
7-8 ออกถนนใหญ่
9-10 ฝึกทำข้อสอบภาคทฤษฎี
2 11-15 อบรมเตรียมสอบภาคทฤษฎี
3 สอบภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ
ราคาค่าเรียน
หลักสูตรรถจักรยานยนต์เพื่อสอบใบขับขี่
- คนไทย 1,000 บาท / ชาวต่างชาติ 1,500 บาท


หมายเหตุ : นักเรียนสามารถโหลดโปรแกรมแอป e-testing บนมือถือเพื่อเตรียมสอบภาคทฤษฎีได้
หลักสูตรอบรม
Card image cap
อบรมเพื่อไปสอบเองที่ขนส่ง
500.00 บาท

คุณสมบัติผู้เรียน

  • ต้องไม่เคยมีใบอนุญาตขับขี่มาก่อน
  • ต้องการไปสอบใบขับขี่เองกับทางกรมการขนส่งฯ (ขอใบขับขี่ใหม่)
  • ระยะเวลาในการอบรม 5 ชั่วโมง
Card image cap
อบรมเพื่อต่อใบขับขี่
200.00 บาท

คุณสมบัติผู้เรียน

  • มีใบขับขี่อยู่แล้ว และต้องการต่ออายุ ( 5 ปี ต่อ 5 ปี)
  • ระยะเวลาในการอบรม 1 ชั่วโมง(ทั้งรถยนต์และรถจักรยานยนต์)
Card image cap
เรียนขับเพิ่มทักษะการขับรถ
3,500.00 บาท (10 ชั่วโมง)

คุณสมบัติผู้เรียน

  • มีใบอนุญาตขับขี่มาก่อน
  • ต้องการเรียนเพิ่มทักษะการขับรถบนถนนใหญ่

สมัครเรียน

คุณสมบัติผู้สมัคร

- สำหรับการสมัครเรียนเพื่อสอบใบขับขี่ ผู้เรียนหลักสูตรจักรยานยนต์ต้องมีอายุ 15 ปีบริบรูณ์ และผู้เรียนหลักสูตรรถยนต์ต้องมีอายุ 18 ปีบริบรูณ์
- ต้องไม่เป็นผู้พิการทางสายตา ไม่มีอาการตาบอดสี
- ไม่เคยมีใบขับขี่มาก่อน

เอกสารที่ต้องใช้ในการสมัคร

- บัตรประชาชนตัวจริงพร้อมสำเนา 2 ชุด
- ใบรับรองแพทย์ไม่เกิน 1 เดือน
- รูปถ่าย 1 นิ้ว 4 รูป

การเลือกเวลาเรียน

ผู้เรียนเลือกวันและเวลาเรียนปฏิบัติของแต่ละหลักสูตรได้ดังนี้
เลือกรอบเรียนได้ทุกวัน ไม่เว้นวันหยุด รอบละ 2 ชั่วโมง (08.00-10.00, 10.00-12.00, 13.00-15.00, 15.00-17.00, 17.30-19.30)

การทดสอบสมรรถภาพทางร่างกาย

- ทดสอบตาบอดสีให้ดูสีเขียว สีแดงและสีเหลืองจากเครื่องทดสอบ หรือแผ่นภาพทดสอบ โดยอยู่ห่างจากเครื่องทดสอบหรือแผ่นภาพทดสอบในระดับสายตา ระยะไม่น้อยกว่า 3 เมตร แล้วอ่านสีตามที่เจ้าหน้าที่กำหนด 3 ครั้ง หากอ่านถูกต้องสองในสามครั้ง ให้ถือว่าผ่านการทดสอบ
- ทดสอบสายตาทางลึก ให้ทดสอบการมองเห็นในระยะ 2.50-3.50 เมตร รวม 3 ครั้ง หากผลการทดสอบห่างจุดที่กำหนดไม่เกินกว่า 1 นิ้ว สองในสามครั้ง ให้ถือว่าผ่านการทดสอบ
- ทดสอบสายตาทางกว้าง ถ้าผู้สมัครสามารถมองเห็นทั้งด้านซ้าย และด้านขวาเป็นมุมกว้างข้างละ 75 องศา สองในสามครั้ง ให้ถือว่าผ่านการทดสอบ
- ทดสอบปฏิกิริยา ผู้สมัครทำการทดสอบความสามารถในการใช้เบรคเท้ารวม 3 ครั้ง หากสามารถเหยียบเบรคได้ในระยะทางน้อยกว่าหรือเท่ากับ 0.75 วินาที สองในสามครั้งให้ถือว่าผ่านการทดสอบ
รถอายุกี่ปีต้องตรวจสภาพก่อนเสียภาษีประจำปี

ตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2522 ได้มีบัญญัติว่า รถที่มีอายุการใช้งานครบ  7 ปี นับตั้งแต่วันที่จดทะเบียนครั้งแรก ถึงวันสิ้นสุดอายุภาษีประจำปี (วันครบกำหนดเสียภาษีประจำปี) ยกตัวอย่าง เช่น หากรถยนต์ส่วนบุคคลจดทะเบียนปี 2552  จะต้องมีการตรวจสภาพรถยนต์ในปี 2559

โดยพระราชบัญญัตินี้ต้องมีการตรวจเช็กสภาพรถ เพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร รวมถึงส่วนอื่น ๆ ที่อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้ ดังนั้น จึงต้องมีการตรวจสอบให้รถอยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานได้ตลอดอายุการใช้งาน โดยรถที่อยู่ในข่ายต้องได้รับการตรวจสภาพรถก่อนเสียภาษีประจำปี มีดังนี้

  • รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน ที่มีอายุใช้งานครบ 7 ปี ขึ้นไป
  • รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คน ที่มีอายุใช้งานครบ 7 ปี ขึ้นไป
  • รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล ที่มีอายุใช้งานครบ 7 ปี ขึ้นไป
  • รถจักรยานยนต์ ที่มีอายุใช้งานครบ 5 ปี ขึ้นไป
เอกสารสำหรับตรวจสภาพรถ

การเตรียมเอกสาร นำเล่มทะเบียนตัวจริงพกติดตัวไป และนำรถเข้าตรวจสภาพได้ที่สถานตรวจสภาพรถเอกชน (ตรอ.) ที่ได้รับอนุญาตจากกรมการขนส่งทางบก หรือหน่วยงานของกรมการขนส่งทางบก

สำหรับรถส่วนบุคคลที่ไม่สามารถนำไปตรวจกับ ตรอ. ได้ แต่ต้องนำไปตรวจที่หน่วยงานของกรมการขนส่งทางบกเท่านั้น มีดังนี้

  • มีการดัดแปลงสภาพผิดไปจากเดิมที่จดทะเบียนไว้
  • รถที่มีปัญหาเกี่ยวกับการถูกโจรกรรมแล้วได้คืน
  • รถที่ขาดต่อภาษีประจำปี (ขาดต่อทะเบียน) เกิน 1 ปี
  • รถที่เจ้าของได้แจ้งไม่ใช้ชั่วคราว หรือแจ้งไม่ใช้รถตลอดไป
  • มีการเปลี่ยนสีหรือเปลี่ยนแปลงตัวรถหรือส่วนใดส่วนหนึ่งของรถ ให้ผิดไปจากรายการที่จดทะเบียนไว้ในสมุดคู่มือทะเบียนรถ เช่น เครื่องยนต์ ลักษณะรถ ชนิดน้ำมันเชื้อเพลิง เป็นต้น
  • รถที่มีปัญหาเกี่ยวกับเลขตัวรถหรือเลขเครื่องยนต์ เช่น ไม่ปรากฏตัวเลข ตัวเลขชำรุด หรือมีร่องรอยการแก้ไข ขูด ลบ หรือลบเลือน จนไม่สามารถตรวจสอบความถูกต้องได้ เป็นต้น
  • รถเก่าที่มีเลขทะเบียนเป็นรุ่นเก่า เช่น กท-00001, กทจ-0001 เป็นต้น ซึ่งรถคันดังกล่าวต้องเปลี่ยนทะเบียนรถใหม่เมื่อมีการนำไปเสียภาษีประจำปี
ค่าตรวจสภาพรถ
  • รถจักรยานยนต์ คันละ 60 บาท
  • รถยนต์น้ำหนักรถเปล่าไม่เกิน 2,000 กิโลกรัม คันละ 200 บาท
  • รถยนต์ที่มีน้ำหนักรถเปล่าเกิน 2,000 กิโลกรัม คันละ 300 บาท

รถตรวจสภาพไม่ผ่าน ตรอ. ทำอย่างไร

หากรถผ่านการตรวจสภาพเรียบร้อยจาก ตรอ. จะได้ใบรับรองการตรวจสภาพรถตามแบบที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด

กรณีหากรถตรวจสภาพแล้วไม่ผ่าน ตรอ. จะแจ้งข้อบกพร่องที่เป็นสาเหตุทำให้รถไม่ผ่านการตรวจให้ทราบ เพื่อจะได้นำรถไปแก้ไขแล้วนำกลับมาตรวจใหม่ ซึ่งจะต้องแก้ไขและนำไปตรวจสภาพที่ ตรอ. ที่เดิมภายใน 15 วัน และจะเสียค่าตรวจใหม่เพียงครึ่งเดียวของค่าบริการที่กำหนดไว้ แต่หากเกิน 15 วัน หรือไปตรวจที่ ตรอ. ที่อื่นจะต้องเสียค่าบริการตามอัตราปกติ