วันที่ | ชั่วโมงที่ | แนวทางการเรียนการสอน |
1 | 1-2 | ทดสอบสมรรถภาพ+สอนห้องเครื่อง |
2 | 3-4 | หลักการใช้พวงมาลัย+การบังคับรถ |
3 | 5-6 | สอนการใช้คันเร่ง+การเข้าท่าสอบ |
4 | 7-8 | ออกถนนใหญ่ |
5 | 9-10 | ออกถนนใหญ่+ประเมินท่าสอบ |
6 | 11-15 | อบรมเตรียมสอบภาคทฤษฎี |
7 | สอบภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ |
วันที่ | ชั่วโมงที่ | แนวทางการเรียนการสอน |
1 | 1-2 | ทดสอบสมรรถภาพ+หลักการขับขี่ปลอดภัย |
3 | หลักการบังคับรถ | |
4-8 | การเข้าท่าสอบ | |
7-8 | ออกถนนใหญ่ | |
9-10 | ฝึกทำข้อสอบภาคทฤษฎี | |
2 | 11-15 | อบรมเตรียมสอบภาคทฤษฎี |
3 | สอบภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ |
คุณสมบัติผู้เรียน
คุณสมบัติผู้เรียน
คุณสมบัติผู้เรียน
ตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2522 ได้มีบัญญัติว่า รถที่มีอายุการใช้งานครบ 7 ปี นับตั้งแต่วันที่จดทะเบียนครั้งแรก ถึงวันสิ้นสุดอายุภาษีประจำปี (วันครบกำหนดเสียภาษีประจำปี) ยกตัวอย่าง เช่น หากรถยนต์ส่วนบุคคลจดทะเบียนปี 2552 จะต้องมีการตรวจสภาพรถยนต์ในปี 2559
โดยพระราชบัญญัตินี้ต้องมีการตรวจเช็กสภาพรถ เพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร รวมถึงส่วนอื่น ๆ ที่อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้ ดังนั้น จึงต้องมีการตรวจสอบให้รถอยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานได้ตลอดอายุการใช้งาน โดยรถที่อยู่ในข่ายต้องได้รับการตรวจสภาพรถก่อนเสียภาษีประจำปี มีดังนี้
การเตรียมเอกสาร นำเล่มทะเบียนตัวจริงพกติดตัวไป และนำรถเข้าตรวจสภาพได้ที่สถานตรวจสภาพรถเอกชน (ตรอ.) ที่ได้รับอนุญาตจากกรมการขนส่งทางบก หรือหน่วยงานของกรมการขนส่งทางบก
สำหรับรถส่วนบุคคลที่ไม่สามารถนำไปตรวจกับ ตรอ. ได้ แต่ต้องนำไปตรวจที่หน่วยงานของกรมการขนส่งทางบกเท่านั้น มีดังนี้
หากรถผ่านการตรวจสภาพเรียบร้อยจาก ตรอ. จะได้ใบรับรองการตรวจสภาพรถตามแบบที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด
กรณีหากรถตรวจสภาพแล้วไม่ผ่าน ตรอ. จะแจ้งข้อบกพร่องที่เป็นสาเหตุทำให้รถไม่ผ่านการตรวจให้ทราบ เพื่อจะได้นำรถไปแก้ไขแล้วนำกลับมาตรวจใหม่ ซึ่งจะต้องแก้ไขและนำไปตรวจสภาพที่ ตรอ. ที่เดิมภายใน 15 วัน และจะเสียค่าตรวจใหม่เพียงครึ่งเดียวของค่าบริการที่กำหนดไว้ แต่หากเกิน 15 วัน หรือไปตรวจที่ ตรอ. ที่อื่นจะต้องเสียค่าบริการตามอัตราปกติ